รอบรู้เรื่องหิน
ReadyPlanet.com
dot
ศาลเจ้าหินอ่อน ตี่จู้เอี๊ยะ
dot
bulletModern Style
bulletChinese Style
bulletผลงานศาลเจ้าที่จีน
dot
ศาลพระพรหม-พระพิฆเนศ
dot
bulletทรงโมเดิร์น
bulletทรงพิเศษ หินอ่อนขาว
bulletทรงวิจิตร
bulletผลงานติดตั้งศาลพระพรหม
dot
ศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่ตายาย
dot
bulletทรงโมเดิร์น
bulletทรงไทย
bulletผลงานติดตั้งศาลพระภูมิ ศาลตายาย
dot
เจ้าแม่กวนอิม - องค์เทพ
dot
bulletองค์กวนอิม
bulletองค์พระพุทธ
bulletองค์พระสังกัจจายน์
bulletองค์พระพิฆเนศ
bulletองค์ฮกลกซิ่ว
bulletองค์เทพ
bulletผลงานติดตั้งพระโพธิสัตว์กวนอิม
dot
หินแกะสลักของมงคล
dot
bulletสิงห์ มงคล
bulletช้าง มงคล
bulletม้า มงคล
bulletปี่เซี่ยะ มงคล
bulletของมงคล
bulletโต๊ะหินอ่อน
dot
สาระน่ารู้
dot
bulletหลักทั่วไปในการตั้งตี่จู้เอี๊ยะ
bulletวิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะ
bulletวิธีเปลี่ยนตี่จู้เอี๊ยะ
bulletการตั้งศาลพระภูมิ
bulletบูชาแล้วรวย ปี่เซี่ย
bulletบ้าน 5 ธาตุ
bulletเรื่องเล่าของเต่า
bulletการดูแลหินอ่อนและแกรนิต
bulletเทคนิคการติดตั้งหินอ่อน
bulletกรรมวิธีการติดตั้งหินอ่อน
bulletปัญหาเรื่องบ้าน
bulletปัญหาเรื่องหิน
bulletรอบรู้เรื่องหิน




รอบรู้เรื่องหิน

ขั้นตอนการผลิตหินอ่อนและหินแกรนิต

คุณรู้ไหม ?.... กว่าจะมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป เพื่อจะนำมาใช้ในงานก่อสร้าง หินอ่อนและหินแกรนิตต้องผ่านขบวนการแปรรูปหลายขั้นตอน นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หินอ่อนและหินแกรนิต มีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบวัสดุที่ใช้สำหรับปูพื้น และปูผนังอื่นๆ เช่น กระเบื้อง ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการผลิตหินอ่อนและแกรนิต

ขั้นตอนแรก เป็นขั้นตอนการขุดเจาะหิน จากเหมืองเพื่อป้อนสู่โรงงาน วิธีที่นิยมใช้มี 4 วิธีได้แก่

1. Drilling and Blasting เป็นวิธีที่ใช้หัวเจาะ เจาะหินให้ลึกลงไปตามความกว้าง ความยาวและความลึกตามที่ต้องการ โดยให้มีระบบห่างระหว่างรูเจาะเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลาง ของรูเจาะโดยประมาณ แล้วใช้วัตถุระเบิดชนิดแรงต่ำ บรรจุลงในรูเจาะ การบรรจุวัตถุระเบิดจะต้องบรรจุให้ปริมาณพอสมควร โดยผู้ชำนาญจะบรรจุในปริมาณพอที่จะทำให้หินแยกตัวออกไปเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องบรรจุลงไปในทุกรูที่เจาะ ข้อสำคัญคืออย่าให้แรงระเบิดทำให้ผนัง หรือผิวหน้าของหินอ่อนหรือหินแกรนิตที่สกัดออกมามีรอยแตกร้าว วัตถุระเบิดแรงต่ำนี้ผสมขึ้นเอง ประกอบด้วยดินประสิว, กำมะถัน, และถ่านโดยใช้ประกายไฟจากสายชนวนเป็นตัวจุด ก่อนบรรจุวัตถุระเบิดชนิดนี้ลงไปต้องใช้ดินและทรายรองใต้รูเจาะและใส่อัดปิดด้านบนของรูเจาะอีกทีหนึ่ง ด้วยการบรรจุวัตถุระเบิดทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นต้องบรรจุทุกหลุม หรือบรรจุตลอดความลึกของหลุมเจาะ โดยจะต้องประเมินแรงระเบิดให้ดีหากบรรจุระเบิดมากไปจะทำให้ผิวหินที่สกัดออกมาเกิดรอยช้ำและแตกร้าว ซึ่งอาจร้าวลึกไปถึงภายในหินทั้งหมดได้

2. Drilling and Wedging เป็นวิธี การเจาะหินที่เจาะตามแบบเดียวกับวิธีแรก เพียงแต่ไม่ใช้วัตถุระเบิดเป็นแรงสกัด แต่จะใช้เครื่องมือ ซึ่งเครื่องมือที่ใช้มี 2 ชนิดได้แก่

2.1 ลิ่ม (Wedge) เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นท่อนเหล็กแบบเพลาเครื่องยนต์ ส่วนปลายเรียวมีความยาวประมาณ 15-20 นิ้ว มีขนาดโตพอที่จะใส่ลงไปในรูเจาะได้ เมื่อจะสกัดหินก็ใส่ลิ่มลงไปในที่เจาะไว้เป็นระยะๆ แล้วกระแทกลิ่มลงไปพร้อมๆ กัน จะทำให้หินแตกตามรอยเจาะ

2.2 ไฮดรอลิก (Rock Splitting Machine) ใช้หลักการเดียวกันกับวิธีลิ่ม แต่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบโดยนำเอาแรงไฮดรอลิกมาใช้ โดยใส่เครื่องมือนี้ลงในรูเจาะแล้วให้ก้านภายในโครงการลงมือเอง

3. Wire Saw เป็นวิธีการสกัดหินอ่อนหรือหินแกรนิตที่สมบูรณ์ที่สุด คือสามารถตัดหินได้ทั้ง 3 มิติ คือด้าน กว้าง, ยาว, ลึก แต่เมื่อใช้วิธีนี้แล้วจะต้องใช้รถยกหินบล็อกออกมา ซึ่งวิธีนี้จะใช้กับเมืองที่ไฟฟ้าและน้ำใช้ตลอดปี เครื่องมือนั้นประกอบด้วยสายลวดสลิงชนิด Rope Thread ซึ่งมีความเหนียวและคมเป็นพิเศษ โดยใช้การเคลื่อนไหวเพื่อส่งกำลังโดยมอเตอร์ขนาดประมาณ 25 แรงม้า เมื่อต้องการจะตัดหินด้านใด ก็จัดตั้งเสาหลักให้ลวดสลิงผ่านไปบริเวณนั้น โดยปริมาณของลวดสลิงจะต้องพอดีกับแหล่งหินที่จะตัดซึ่งบริเวณหน้าผาหินจะเป็นแหล่งที่เหมาะสมและดีที่สุด และต้องป้อนทราย และน้ำเข้าไปในลวดสลิงด้วย

4. Dimond Wire เทคนิคการตัดหินด้วยลวดเพชรเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้การผลิดหินบล็อกเป็นไปอย่างรวดเร็ว และต้นทุนต่ำ หินบล็อคที่ได้ก็ไม่แตกร้าวรวมทั้งสูญเสียเศษหินน้อย หินบล็อคที่ได้จะมีรูปทรงเป็นก้อนเหลี่ยม พร้อมที่นำมาแปรรูปด้วยเครื่องจักรในโรงงาน เส้นลวดเพชรประกอบด้วยเม็ดเพชรซึ่งเป็นเหล็กรูปทรงกระบอกความยาว 8.5 มม. ภายในกลวงเพื่อสวมเข้ากับลวดสลิง ผิวเคลือบด้วยผงเพชรอุตสาหกรรมมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ฝังประปรายอยู่บนโลหะจับยึดเม็ดเพชร เส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอก 10 มม. นอกจากนี้ประกอบด้วยสปริงและแผ่นเหล็ก (แหวน) คั่นระหว่างเม็ดเพชรและสปริง โดยเส้นลวดเพชรความยาว 1 เมตร จะมีเม็ดเพชรประกอบอยู่ 30-32 เม็ดและเม็ดเพชรเหล่านี้จะทำหน้าที่ตัดหินเมื่อถูกลากให้ขัดสีไปบนเนื้อหิน การใช้ลวดเพชรต้องใช้ประกอบกับเครื่องเจาะรู เพื่อคล้องลวดตามแนวที่ต้องการตัดแล้วนำมาจุดลากด้วยเครื่องปั่นและฉุดลากเพชร ซึ่งสามารถปรับแนวที่เครื่องได้ ทั้งแนวดิ่งและแนวระนาบ และเอียงได้ 360 องศา ขณะที่ใช้งานต้องใช้น้ำฉีดเพื่อหล่อเย็นลวดเพชรไปด้วย มิฉะนั้นผงเพชรจะร้อนและเสื่อมสภาพเร็ว ความยาวของลวดเพชรที่ใช้แต่ละครั้งประมาณ 20-40 เมตร แล้วแต่ความกว้างของแนวตัดในหิน 

ขั้นตอนที่สอง การผลิตหินแผ่น แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนได้แก่

1. Cutting เป็นขบวนการตัดหินบล็อคออกเป็นหินแผ่นใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ

1.1 Block Cutting เป็นการตัดตามแนวดิ่ง โดยเครื่องจักรที่ใช้จะมีใบเลื่อยเพียงใบเดียว (เป็นรูปวงเดือน) ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 90, 100, 120 หรือ 160 cm. การเลื่อยหินแท่งด้วยเครื่องเลื่อยแบบวงเดือน (block cutting) ซึ่งจะได้หินแผ่นออกมาในรูปของหินแผ่นที่มีขนาดหน้ากว้างจำกัดเช่นหน้ากว้าง 30, 40, 60 cm. เป็นต้น ขึ้นอยู่กับขนาดของใบเลื่อยวงเดือนที่ใช้ ส่วนความยาวของหินแผ่นที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับความยาวของหินแท่ง ซึ่งลักษณะหินแผ่นที่มีหน้ากว้างคูณยาวนี้ มักจะเรียกกันว่า strips หรือขนาดหินหน้ากว้าง คูณ L

1.2 Gangsaw เครื่องตัดหินนี้จะต่างกับ block cutting ตรงที่เครื่องจักรชนิดนี้จะใช้ใบเลื่อยลักษณะเป็นแถบ (Strips) จำนวนครั้งละ 35 แผ่นเรียงกัน การเลื่อยหินแท่งด้วยเครื่องเลื่อยแบบ gangsaw เพื่อให้ได้หินแผ่นออกมาเป็นแผ่นขนาดใหญ่ (slabs) เพื่อนำไปใช้งานประเภทเฟอร์นิเจอร์ เช่น หน้าโต๊ะ, เคาน์เตอร์, แผ่นป้าย หรือนำไปตัดซอยเป็นหินแผ่นตามขนาด มาตราฐานที่ต้องการใช้งานภายหลัง

2 Cross Cutting เครื่องจักรนี้จะเป็นการตัดซอยหินแผ่นขนาดใหญ่ ซึ่งได้จากการตัดข้างต้นออกให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น ขนาด 40x80, 40x60, 40x40 cm. เป็นต้น เครื่องตัดซอยเหล็ก(Cross cutting) เพื่อให้ได้ขนาดตามความยาวที่ต้องการ ในกรณีที่ต้องการหินแผ่นบางหรือมีความหนาเท่ากันทุกแผ่นนั้น เมื่อเลื่อยหินแผ่นด้วยเครื่องเลื่อยวงเดือนตามขนาดความหนาที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการแล้ว จะนำมาผ่านเครื่องปรับขนาดความหนา (Diamond calibrator) ก่อนที่จะนำไปผ่านกรรมวิธีขัดต่อไป

3.Dress Polishing เมื่อได้หินตามขนาดที่ต้องการแล้วจะมีการปรับแต่ง เพื่อให้หินอ่อนแต่ละแผ่นมีความหนาเท่ากับ 2 cm. จากนั้นจึงส่งต่อไปยังกระบวนการขัดมัน โดยจะใช้เครื่องขัดซึ่งจะใช้หินขัด (Abrasing stone) มาเป็นอุปกรณ์ (ดังนั้นหินขัดจึงเป็นวัสดุที่จำเป็นอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแปรรูปหิน) เครื่องขัดนี้จะถูกควบคุมให้ขัดหินจนมันด้วยระบบอัตโนมัติ หลังจากหินที่ถูกขัดมันทั่วทั้งแผ่นแล้วจะถูกส่งไปตัดลายในขั้นต่อไป เมื่อได้หินแผ่นที่ผ่านการเลื่อยด้วยเครื่องเลื่อยแบบ gangsaw แล้ว โดยทั่วไปจะนำแผ่นใหญ่ (slabs) เข้าเครื่องขัดเพื่อผ่านการขัดหยายขัดละเอียด Bridge-Cutting ในกรณีที่ต้องการขนาดหินแผ่นสำเร็จรูปหลายขนาดจากแผ่นใบพวง (Multi-Blades Cutting Line) เพื่อประหยัดเวลาแล้ว ซึ่งเมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็จะได้หินแผ่นตามขนาดที่ต้องการ แต่ต้องคัดแยกลายหรือสีหินที่ต้องการไว้เป็นกรณีไป

4.Choosing and Packing เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะขั้นตอนที่จะทำการคัดเลือกและควบคุมคุณภาพหิน ก่อนที่จะส่งไปยังลูกค้าการคัดเลือกนี้จะเป็นการคัดหินที่มีตำหนิและไม่กลมกลืนออกไป หรือเป็นการจัดคุณภาพและลักษณะของหินให้อยู่เป็นสัดส่วนเพื่อง่ายต่อการจำหน่ายต่อไป